มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารีดำเนินการบริหารที่มุ่งหวังให้เป็น “มหาวิทยาลัยที่เป็นเลิศทางวิชาการ และเป็นที่พึ่งของชุมชนได้อย่างแท้จริง” จึงมีการดำเนินโครงการเพื่อบริหารกิจการของมหาวิทยาลัยอย่างเต็มที่และจริงจังภายใต้ 5 ยุทธศาสตร์หลักดังนี้ 

• การสร้างความเป็นเลิศทางวิชาการ (Academic Excellence) 

เน้นคุณลักษณะ ของบัณฑิตที่จบการศึกษา (Student Profiles) ให้มีทักษะของ “21st Century Skills” ต้องมี “ทักษะด้าน ภาษาอังกฤษ” ที่ใช้งานได้จริง รวมถึงต้องมีคุณลักษณะเป็น “นักเทคโนโลยี” หรือเป็น “นวัตกร” และเป็น “Entrepreneur” ในขณะที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารีจะต้องมีความเชื่อมั่นของสังคมในคุณลักษณะที่ดี (University Profiles) หลายประการ เช่น เป็นมหาวิทยาลัยที่ฉลาด (Smart Campus) มีธรรมาภิบาลในการบริหารงาน (Good Governance) และเป็นแหล่งเตรียมบุคลากรเข้าสู่ 21st Century โดยปรับตัวเองเป็น “Entrepreneurial University” อย่างแท้จริง รวมถึงการพัฒนาเข้าสู่ “The Best Cooperative Education University” ซึ่งมหาวิทยาลัยมีต้นทุนเดิมที่มีศักยภาพสูงมากและเป็นอัตลักษณ์ของมหาวิทยาลัย 

• การเป็นมหาวิทยาลัยแห่งการวิจัย (Research University)

เน้นการเสริมสร้าง ขีดความสามารถด้านการวิจัย สู่การยอมรับในระดับชาติและนานาชาติ มหาวิทยาลัยต้องเสริมความเข้มแข็ง ด้าน “Research Commercialization” การทำวิจัยเข้าสู่ความต้องการของประเทศ (Country-Policy Alignment) รวมถึงการนำผลงานวิจัยไปใช้เพื่อพัฒนาชุมชน (Problem-Based/Area-Based Research Topics) โดยเน้นการทำวิจัยในลักษณะองค์รวม (Total-solutions Approach) มหาวิทยาลัยยังต้องพัฒนา “Center of Excellence” ที่นอกจากจะผลิตผลงานวิจัยที่มีผลกระทบสูง (High-Impact Factor แผนพัฒนามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี พ.ศ. 2561-2564 ~ ข ~ Publications) สามารถสร้างรายได้จากผลงานวิจัยของ COE ได้ในระดับหนึ่ง มหาวิทยาลัยต้องใช้ “SUT Research Fund” เพื่อการพัฒนาต่อยอดผลงานวิจัยที่มีศักยภาพ เพื่อสามารถขยายผลงานวิจัยเข้าสู่การใช้ “PPP and Venture Capital” เป็นเครื่องมือในการต่อยอดสู่เชิงพาณิชย์ ได้อย่างแท้จริง 

• การสร้างคุณค่าต่อเศรษฐกิจและสังคมด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และ นวัตกรรม (Social & Commercial – STI Impact) 

กำหนดให้มหาวิทยาลัยต้องทำ University Engagement เพื่อขยายผลกระทบของงานวิจัยและองค์ความรู้เข้าสู่ชุมชนและสังคม มหาวิทยาลัยต้องช่วยแก้ปัญหาของประเทศ (Country Critical-problem Focus) มากกว่าการวิจัยเพื่อองค์ความรู้ การสร้างความร่วมมือกับภาคการผลิต (Industrial Linkages) เป็นความสำคัญอย่างยิ่งยวด การทำวิจัยบนโจทย์ของภาคอุตสาหกรรมเป็นผลโดยตรงกับการเพิ่มรายได้ของประเทศ และปลดพันธนาการสภาวะการผลิตงานวิจัย “ขึ้นหิ้ง” และสูญเปล่า การปรับปรุงภารกิจ Technopolis เข้าสู่ “Science & Innovation Park” ที่จะเป็น อนาคตที่ดีของมหาวิทยาลัยในบทบาทของการช่วยเหลือ SMEs และ Startups ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต บทบาทในการช่วยเหลือสังคม ความเป็นอยู่ของประชาชนอย่างมีคุณภาพ เป็นบทบาทที่สำคัญของ “University Hospital” มหาวิทยาลัยต้องปรับวิธีการบริหารโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยให้สามารถดำเนินการบริหารการเงิน และทรัพย์สินได้อย่างมีประสิทธิภาพ

• การสร้างความผูกพันกับวัฒนธรรมของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (NorthEastern Culture Engagement) 

เป็นภารกิจที่สำคัญของมหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยควรมุ่งเน้นการใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาใช้บริหารภูมิปัญญาชาวบ้าน (Local Knowledge Management Using STI) เช่น การจัดทำฐานข้อมูลองค์ความรู้ภูมิปัญญา เป็นต้น มหาวิทยาลัยต้องมีหน้าที่ในการอนุรักษ์ภูมิปัญญาชาวบ้านและนำมาใช้ประโยชน์ให้ได้อย่างเป็นรูปธรรม มหาวิทยาลัยต้องพัฒนา “อุทยานการเรียนรู้สิรินธร” ขึ้นเป็นพิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนใต้ (NE Cultural Museum) 

• การบริหารงานที่นำสมัย เป็นธรรม และการสร้างระบบนิเวศแห่งคุณภาพ (Smart Management, Good Governance and Quality Ecosystem) 

เสาหลักยุทธศาสตร์ “Good Governance & Effective Ecosystem” เป็นหัวใจหลักของการบริหารมหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยต้องปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานเข้าสู่ “Smart Campus” “Digital-Wide Campus” และ “Green University” อย่างแท้จริง ในการบริหารทรัพยากรบุคคล มหาวิทยาลัยต้องใช้ระบบบริหารแบบ “3R  Recruit-RetainRetire” ที่มีประสิทธิภาพ สามารถสรรหาบุคคลากรที่มีคุณภาพ มีระบบบริหารคนดี คนเก่ง และมีระบบดูแล และใช้ประโยชน์ความรู้ความชำนาญการของผู้เกษียณอายุ มหาวิทยาลัยต้องพัฒนาระบบการใช้ประโยชน์ศิษย์เก่า (Alumni Management) ในการติดตามการทำงานตามโครงการในแผนปฏิบัติการของมหาวิทยาลัย โดยใช้ “Project-Based Management Tools” ที่สามารถติดตามงานและการใช้งบประมาณ รวมถึงกระบวนการแก้ปัญหาให้งานบรรลุผลได้ตามต้องการ จนสามารถพัฒนาเข้าสู่ “On-line Management System” ปรับปรุงระบบ MIS มหาวิทยาลัยให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น สามารถใช้เป็นเครื่องมือในการตัดสินใจ ของผู้บริหาร และในอนาคตต้องพัฒนาเข้าสู่ “SUT Big Data” แผนพัฒนามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี พ.ศ. 2561-2564 ~ ค ~ นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยจำเป็นต้องเร่งรัดปรับปรุงมีหลายประการ อาทิ หน่วยวิสาหกิจที่ต้องสามารถสร้างรายได้ จำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนวิธีการบริหารเพื่อเพิ่มรายได้และลดค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ การทำ Project-Based Management จะช่วยให้การวางแผนงานและแผนเงินของโครงการเป็นไปอย่างรัดกุม เหมาะกับงานและประหยัดงบประมาณ การทำการบริหารสินทรัพย์ของมหาวิทยาลัย (Asset Management) เพื่อเป็นเครื่องมือการหารายได้ใหม่ (New Income Generation Tools) การทำ “Sectorial Unit Cost Analysis” นี้เป็นความจำเป็นอย่างยิ่งยวด เพื่อการวิเคราะห์สมรรถนะของหน่วยงาน และการวางแผนในอนาคต การทำ “Workload Analysis” และ “Matrix and Talent Management” ช่วยให้ฝ่ายบริหารสามารถใช้กำลังคนและความเชี่ยวชาญของบุคคลอย่างมีประสิทธิภาพ

ยุทธศาสตร์เหล่านี้จะนำมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารีมุ่งพัฒนาเพื่อก้าวเข้าสู่ความเป็นเลิศ (SUT for Excellence) เข้าสู่การจัดอันดับการเป็นมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีที่ดีที่สุดในประเทศไทย เป็นมหาวิทยาลัยที่มีความพร้อมในการเข้าสู่ศตวรรษที่ 21 อย่างสง่างาม อีกทั้งการเป็นมหาวิทยาลัยที่ชุมชน ประชาชน และรัฐบาลยอมรับ และเป็นที่พึ่งพา (Society Accountability) ได้อย่างแท้จริง